รูปแบบการว่าจ้างขนส่งสินค้าทางทะเล

การขนส่งสินค้าทางทะเล หรือทางเรือ เป็นการขนส่งอีกรูปแบบหนึ่งนะคะ ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้ เหมาะกับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก และขนาดใหญ่ หรือการขนส่งสินค้าไม่เร่งรีบในการขนส่งเพราะใช้ระยะเวลาขนส่งค่อนข้างนานกว่ารูปแบบอื่นๆนั่นเองค่ะ

การขนส่งสินค้าทางทะเล หรือทางเรือ (Sea Freight)

การขนส่งสินค้าทางเรือ หรือทางทะเล เป็นรูปแบบการขนส่งสินค้าที่สามารถขนส่งสินค้าได้คราวละมากๆ และค่าระวางสินค้ามีราคาถูกกว่าการขนส่งในรูปแบบอื่น ๆ รูปแบบการขนส่งทางเรือจึงเป็นรูปแบบการขนส่งที่นิยมในประเทศไทย  โดยการขนส่งทางเรือแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ

1. การขนส่งทางเรือแบบเต็มตู้คอนเทนเนอร์ (FCL) และ
2. การขนส่งทางเรือแบบไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์ (LCL)

 

รูปแบบการว่าจ้างขนส่งสินค้าทางทะเล แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

 

1. รูปแบบการว่าจ้างขนส่งสินค้าทางทะเล ประเภทที่ 1 LINER TERM 

เป็นการว่าจ้างขนส่งสินค้าโดยเรือที่มีตารางเดินเรือกำหนดเส้นทางเดินเรือประจำ
ประกอบด้วย 3 รูปแบบ ได้แก่

1. Conventional Vessel เรือสินค้าอเนกประสงค์แบบดั้งเดิม ทําการขนส่งสินค้าโดยการบรรทุกสินค้าลงในระวางเรือใหญ่ ส่วนใหญ่ใช้ในการขนสินค้าแบบเทกอง (Bulk Cargo) มักมีเส้นทางเดินเรือแบบจากเมืองท่าต้นทางถึงเมืองท่าปลายทาง

2. Container Vessel เรือสินค้าที่ทําการขนส่งโดยระบบตู้คอนเทนเนอร์ มักมีเส้นทางเดินเรือแบบเครือข่าย (Network service) หรือเส้นทางเดินเรือแบบรอบโลก (Round the world service) โดยใช้เรือแม่ขนาดใหญ่วิ่งให้บริการเฉพาะท่าหลักไปยังเมืองท่ารองหรือเมืองท่าปลายทาง เช่น ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น

 

3. Semi container Vessel เรือสินค้าที่มีรูปแบบการขนส่งผสมผสานระหว่างเรือ Conventional กับเรือContainer ซึ่งเป็นเรือสินค้าที่สามารถบรรทุกสินค้าลงในระวางส่วนหนึ่งและมีพื้นที่บนเรือที่จะวางตู้คอนเทนเนอร์ได้อีกส่วนหนึ่ง มักมีเส้นทางเดินเรือแบบเมืองท่าต้นทางถึงเมืองท่าปลายทาง

2. รูปแบบการว่าจ้างขนส่งสินค้าทางทะเล ประเภทที่ 2 CHARTER TERM

เป็นการว่าจ้างขนส่งสินค้าโดยเรือที่เช่าเหมาลำ เป็นเรือที่ไม่มีตารางเดินเรือและเส้นทางเดินเรือประจำ
ประกอบด้วย 4 รูปแบบ ได้แก่

1. Voyage Charter เป็นการขนส่งสินค้าทางเรือแบบเช่าเหมาเรือเที่ยวเดียวเพื่อขนส่งสินค้าที่กําหนด ส่วนใหญ่เป็นการเช่าเหมาเรือทั้งลํา เพื่อขนส่งสินค้าจากท่าเรือแห่งหนึ่งไปยังท่าเรืออีกแห่งหนึ่ง ค่าระวางในการเดินเรือเป็นภาระของเจ้าของเรือที่จะต้องรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาเช่าเหมาเรือที่ได้ตกลงกันไว้ระหว่างเจ้าของเรือกับผู้เช่าเรือ
2. Time Charter เป็นการขนส่งสินค้าทางเรือแบบเช่าเหมาเรือมีระยะเวลากำหนด ผู้เช่าเหมาเรือจะได้สิทธิในการใช้เรือในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เจ้าของเรือมีหน้าที่ที่จะต้องทําให้เรืออยู่ในสภาพที่จะใช้งานได้  ส่วนค่าระวางในการเดินเรือเป็นภาระของผู้เช่าเรือที่จะต้องรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาเช่าเหมาเรือที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาการเช่าเหมาเรือ
3. Bareboat Charter เป็นการขนส่งสินค้าทางเรือแบบเช่าเหมาเรือเฉพาะตัวเรือ ไม่รวมลูกเรือ มักเป็นการเช่าเหมาเรือในระยะเวลาที่ยาวนาน หรือตามที่กำหนดหรือตกลงกันเอาไว้ เจ้าของเรือจะรับภาระเฉพาะการหาเรือมาให้แก่ผู้เช่าเรือ ส่วนค่าระวางในการเดินเรือตลอดจนการทําให้เรือสามารถปฏิบัติงานได้เป็นภาระของผู้เช่าเรือ
4. Hybrid Charter เป็นการขนส่งสินค้าทางเรือแบบเช่าเหมาเรือแบบผสมผสานกัน เช่น การเช่าเหมาเรือเที่ยวเดียวอย่างต่อเนื่องและการเช่าเหมาเรือที่ผสมระหว่างการเช่าแบบเที่ยวเดียวและการเช่าแบบระยะเวลาเป็นต้น

จะเห็นได้ว่าการขนส่งสินค้าทางทะเล หรือทางเรือ เป็นการขนส่งสินค้าที่นิยมเลือกใช้ กันเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบันนี้เลยนะคะ เนื่องจากสารถขนส่งสินค้าได้ในปริมาณมาก และยังมีรูปแบบการขนส่งสินค้าที่หลากหลาย สามารถเลือกประเภทหรือรูปแบบที่เหมาะสมต่อการใช้งานได้นั่นเองนะคะ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top